วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ฯ เดินหน้ายึดไม้เถื่อนเกือบ 2 ล้านบาท ระดมปิดล้อมแก๊งมอดไม้




จังหวัดสุราษฎร์ฯ เดินหน้ายึดไม้เถื่อนในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงเพิ่มอีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นไม้หลุมพอแผ่นใหญ่ มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่เร่งระดมกำลังปิดล้อมจับกุมแก๊งมอดไม้ที่คาดว่ายังกบดานอยู่ในเขตอุทยานฯ
                  จากกรณี นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง หมู่ที่ 16 บ้านบางไต ตำบลตะกุกเหนือ อำเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจากกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน พร้อมเครื่องเลื่อยยนต์ และอุปกรณ์ตัดไม้จำนวนหนึ่ง
                ล่าสุด วันนี้ (10 ม.ค.) นายถาวร พรหมฉิม ป้องกันจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมนายจงรัก ทรงรัตน์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่กำลังผสมเข้าตรวจสอบพื้นที่เป็นวันที่ 2 พบมีการแปรูรูปไม้หวงห้าม และเตรียมขนย้ายออกจากพื้นที่ จำนวน 3 จุด โดยจุดที่ 1 พบการแปรรูปไม้หลุมพอขนาดใหญ่ กลางสวนยางพารา มีหน้ากว้างตั้งแต่ 80-150 เซนติเมตรยาว หนา 6 นิ้ว ยาว 4-8 เมตร พร้อมที่จะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ จำนวน 29 แผ่น คิดเป็นปริมาตร 13 ลูกบาศก์เมตร
                 จุดที่ 2 ห่างจากจุดแรกประมาณ 400 เมตร พบต้นไม้ตะเคียนทรายขนาดใหญ่อายุกว่า 300 ปี ถูกตัดโค่นทำการแปรรูปขนาดต่างๆ จำนวน 155 แผ่น คิดเป็นปริมาตร 5.60 ลูกบาศก์เมตร ส่วนจุดที่ 3 ห่างจากจุดที่ 1 ไป 4 กิโลเมตร พบไม้หลุมพอแปรรูปขนาดใหญ่ หน้ากว้างประมาณ 90-150 เซนติเมตร ยาว 4-6 เมตร จำนวนกว่า 20 แผ่น ถูกลำเลียงมาตามลำน้ำคลองยัน ในเบื้องต้นไม้ที่ยึดได้เจ้าหน้าที่คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งขณะเข้าทำการตรวจยึดไม้ไม่พบผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่คาดว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง
                นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งระดมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน พร้อมอาวุธครบมือ จำนวน 30 นาย เข้าทำการไล่ล่าจับกุมตัวมาดำเนินคดี แต่การติดตามค่อนข้างจะอยากลำบากเนื่องจากพื้นที่อุทยานฯ เป็นป่าเขาที่รกชัฏ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น