ตำรวจรวบตัวมือฆ่าสาวนิรนามหมกสวนยางพารา รับสารภาพสิ้น เหตุที่ฆ่าขัดแย้งเรื่องยาเสพติด และขอหลับนอนด้วยไม่เป็นผล
จากกรณีที่พบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30-40 ปี สูงประมาณ 155 เซนติเมตร สวมเสื้อลายสกอตตาหมากรุกสีดำแขนยาว นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม เข็มขัดถูกถอด เสื้อชั้นในสีดำถูกดึงขึ้นเหนือหน้าอก ในกระเป่าเสื้อพบบุหรี่กับไฟแช็ก นิ้วมือสวมแหวนวงเรียบ ในสวนยางพารา หมู่ที่ 3 ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเช้าวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายไพทูล หรือแวน แพกล่อม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 บ้านท่าเฟือง 2 หมู่ที่ 2 ต.กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะหลบหนีไปกบดานที่บริเวณด้านหน้าเขาปีป รีสอร์ต ต.ทุ่งตระไคล อ.ทุ่งตระโก จ.ชุมพร หลังสืบทราบว่า นายไพทูล ได้ก่อเหตุลงมือฆ่าหญิงสาวคนดังกล่าวหมกสวนยางพารา ซึ่งหลังจากก่อเหตุ ได้ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน คมท 238 สุราษฎร์ธานีของผู้ตายหลบหนี แล้วเอาไปทิ้งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร จากนั้น ได้หลบหนีมากบดานบริเวณรีสอร์ตดังกล่าว
จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายไพทูลรับสารภาพว่า รู้จักผู้ตายเป็นอย่างดี ชื่อ น.ส.พเยา ขวยเจริญ อายุ 45 ปี เป็นชาวเกาะสมุย แต่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กับสี่แยกบางกุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเช้ามืดวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปรับผู้ตายมาจากในตัวเมือง แล้วนำผู้ตายไปที่สวนยางที่เกิดเหตุ เพื่อทำการตกลงเรื่องที่ตนให้ผู้ตายนำยาไอซ์จำนวน 7 จี ไปจำหน่าย แต่ผู้ตายไม่ยอมนำเงินมาคืน แต่ตกลงกันไม่ได้ ประกอบกับที่ตนเองมีความพอใจในตัวผู้ตายจึงขอหลับนอนด้วย แต่ผู้ตายไม่ยินยอมได้ต่อสู้ขัดขืน ตนมีอารมณ์โมโหจึงได้ใช้ไม้ตีที่ศีรษะจนถึงแก่ความตาย แล้วนำศพไปหมกร่องกลางสวนยาง เพื่ออำพรางคดี จากนั้นได้ขับรถจักรยายนต์ผู้ตายไปจำนำกับเพื่อนบ้านในราคา 2,500 บาท แต่ไม่มีใครเอา จึงนำไปทิ้งแล้วขึ้นรถโดยสารหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุจนถูกติดตามจับกุมตัว ได้ และในวันนี้ เจ้าหน้าทีจะได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีประวัติก่อคดีมาโชกโชน ติดคุกมา 3 ครั้ง มีทั้งคดีฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายจำนวน 2 คดี คดีข่มขืน 1 คดี ติดคุกมา 29 ปีเพิ่งออกจากคุกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 เมื่อออกมาทำตัวเป็นขาใหญ่ และเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติด และมาก่อเหตุฆ่าผู้อื่นอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นบุคคลอันตราย ซึ่งโชคดีที่จับได้หากสามารถหลบหนีไปได้อาจจะก่อเหตุขึ้นอย่างซ้ำซาก
จากกรณีที่พบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30-40 ปี สูงประมาณ 155 เซนติเมตร สวมเสื้อลายสกอตตาหมากรุกสีดำแขนยาว นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม เข็มขัดถูกถอด เสื้อชั้นในสีดำถูกดึงขึ้นเหนือหน้าอก ในกระเป่าเสื้อพบบุหรี่กับไฟแช็ก นิ้วมือสวมแหวนวงเรียบ ในสวนยางพารา หมู่ที่ 3 ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเช้าวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายไพทูล หรือแวน แพกล่อม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 บ้านท่าเฟือง 2 หมู่ที่ 2 ต.กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะหลบหนีไปกบดานที่บริเวณด้านหน้าเขาปีป รีสอร์ต ต.ทุ่งตระไคล อ.ทุ่งตระโก จ.ชุมพร หลังสืบทราบว่า นายไพทูล ได้ก่อเหตุลงมือฆ่าหญิงสาวคนดังกล่าวหมกสวนยางพารา ซึ่งหลังจากก่อเหตุ ได้ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน คมท 238 สุราษฎร์ธานีของผู้ตายหลบหนี แล้วเอาไปทิ้งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร จากนั้น ได้หลบหนีมากบดานบริเวณรีสอร์ตดังกล่าว
จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายไพทูลรับสารภาพว่า รู้จักผู้ตายเป็นอย่างดี ชื่อ น.ส.พเยา ขวยเจริญ อายุ 45 ปี เป็นชาวเกาะสมุย แต่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กับสี่แยกบางกุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเช้ามืดวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปรับผู้ตายมาจากในตัวเมือง แล้วนำผู้ตายไปที่สวนยางที่เกิดเหตุ เพื่อทำการตกลงเรื่องที่ตนให้ผู้ตายนำยาไอซ์จำนวน 7 จี ไปจำหน่าย แต่ผู้ตายไม่ยอมนำเงินมาคืน แต่ตกลงกันไม่ได้ ประกอบกับที่ตนเองมีความพอใจในตัวผู้ตายจึงขอหลับนอนด้วย แต่ผู้ตายไม่ยินยอมได้ต่อสู้ขัดขืน ตนมีอารมณ์โมโหจึงได้ใช้ไม้ตีที่ศีรษะจนถึงแก่ความตาย แล้วนำศพไปหมกร่องกลางสวนยาง เพื่ออำพรางคดี จากนั้นได้ขับรถจักรยายนต์ผู้ตายไปจำนำกับเพื่อนบ้านในราคา 2,500 บาท แต่ไม่มีใครเอา จึงนำไปทิ้งแล้วขึ้นรถโดยสารหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุจนถูกติดตามจับกุมตัว ได้ และในวันนี้ เจ้าหน้าทีจะได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีประวัติก่อคดีมาโชกโชน ติดคุกมา 3 ครั้ง มีทั้งคดีฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายจำนวน 2 คดี คดีข่มขืน 1 คดี ติดคุกมา 29 ปีเพิ่งออกจากคุกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 เมื่อออกมาทำตัวเป็นขาใหญ่ และเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติด และมาก่อเหตุฆ่าผู้อื่นอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นบุคคลอันตราย ซึ่งโชคดีที่จับได้หากสามารถหลบหนีไปได้อาจจะก่อเหตุขึ้นอย่างซ้ำซาก
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น